เจาะลึกประวัติศาสตร์และกลไกเบื้องหลังการ "ซ่อนความลับ" ที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้
Cryptography (คริปโตกราฟี) หรือ วิทยาการเข้ารหัสลับ คือศาสตร์และศิลป์ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลโดยการแปลงข้อความที่อ่านรู้เรื่อง (Plaintext) ให้กลายเป็นข้อความที่อ่านไม่รู้เรื่อง (Ciphertext) เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเพียงผู้ที่มี "กุญแจ" หรือสิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถอ่านข้อมูลนั้นได้
ในอดีต มันคือเครื่องมือของกษัตริย์และแม่ทัพในการส่งสารลับทางทหาร แต่ในปัจจุบัน มันคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เราโอนเงินผ่านแอป, สั่งของออนไลน์ หรือแม้แต่ล็อกอินเข้า Facebook ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ถูกแฮก
1900 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 100
จุดเริ่มต้นของการเข้ารหัสไม่ได้เกิดในคอมพิวเตอร์ แต่เกิดบนแผ่นดินเหนียวและม้วนกระดาษปาปิรัส ตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดคือ Caesar Cipher (ที่เราใช้ในเว็บนี้!) ซึ่งคิดค้นโดย Julius Caesar แม่ทัพโรมัน เขาใช้วิธีเลื่อนตัวอักษรไป 3 ตำแหน่งเพื่อสั่งการกองทัพ หากศัตรูดักจับจดหมายได้ก็จะเห็นเป็นตัวอักษรมั่วๆ ที่อ่านไม่ออก
นอกจากนี้ชาวสปาร์ตัน (Spartan) ยังใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Scytale ซึ่งเป็นไม้ทรงกระบอก เอาแถบหนังมาพันรอบไม้แล้วเขียนข้อความ เมื่อคลายแถบหนังออก ตัวอักษรจะกระจัดกระจาย ต้องใช้ไม้ที่มีขนาดเท่ากันเป๊ะๆ ถึงจะอ่านข้อความได้
สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945)
นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด เมื่อเยอรมันนาซีสร้างเครื่องจักรที่ชื่อว่า Enigma Machine มันดูเหมือนพิมพ์ดีด แต่ทุกครั้งที่กดปุ่ม กลไกโรเตอร์ข้างในจะหมุนเปลี่ยนรูปแบบการเข้ารหัสไปเรื่อยๆ ทำให้มีความเป็นไปได้ถึง 158 ล้านล้านล้านรูปแบบ!
ฝ่ายสัมพันธมิตรนำโดย Alan Turing นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะ ได้สร้างเครื่อง Bombe ขึ้นมาเพื่อเจาะรหัสนี้ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่ช่วยจบสงครามได้เร็วขึ้น 2 ปี แต่ยังถือเป็น "จุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์ยุคใหม่" อีกด้วย
คอนเซปต์: "ใช้กุญแจดอกเดียวกัน ทั้งล็อกและปลดล็อก"
ผู้ส่งและผู้รับต้องมีรหัสลับ (Key) ตัวเดียวกัน นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุด แต่ปัญหาคือ "จะส่งกุญแจให้กันยังไงไม่ให้โดนดัก?"
คอนเซปต์: "แม่กุญแจแจกให้ทุกคนได้ แต่ลูกกุญแจไขเก็บไว้คนเดียว"
เราจะมีกุญแจ 2 ดอก คือ Public Key (แจกให้ใครก็ได้เพื่อใช้ล็อกข้อมูลส่งมาหาเรา) และ Private Key (เราเก็บไว้คนเดียวเพื่อไขอ่าน)
คอนเซปต์: "บดเนื้อเป็นหมูสับ แต่เอาหมูสับกลับเป็นหมูชิ้นไม่ได้"
ไม่ใช่การเข้ารหัสเพื่อส่งข้อมูล แต่เป็นการแปลงข้อมูลให้เป็นรหัสความยาวคงที่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
ในยุค Digital Age ข้อมูลมีค่ายิ่งกว่าทองคำ ถ้าไม่มี Cryptography:
- ความเป็นส่วนตัว คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ Cryptography มอบให้เรา -
ระบบนี้ใช้การเข้ารหัสผสมผสาน 2 ขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยและความเท่
สมมติคำว่า: "HELLO"
H3110 (H, 3=E, 1=L, 1=L, 0=O)R7554