ระบบแปลงรหัส 2 ขั้นตอน (2-Step Encryption)

ส่วนที่ 1: เข้ารหัส (Encode)
ภาษาอังกฤษเท่านั้น
ส่วนที่ 2: ถอดรหัส (Decode)
รายงานความน่าจะเป็น (Ambiguity Check)
    Knowledge Base

    The Art of Cryptography

    เจาะลึกประวัติศาสตร์และกลไกเบื้องหลังการ "ซ่อนความลับ" ที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้


    วิทยาการเข้ารหัสลับคืออะไร?

    Cryptography (คริปโตกราฟี) หรือ วิทยาการเข้ารหัสลับ คือศาสตร์และศิลป์ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลโดยการแปลงข้อความที่อ่านรู้เรื่อง (Plaintext) ให้กลายเป็นข้อความที่อ่านไม่รู้เรื่อง (Ciphertext) เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเพียงผู้ที่มี "กุญแจ" หรือสิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถอ่านข้อมูลนั้นได้

    ในอดีต มันคือเครื่องมือของกษัตริย์และแม่ทัพในการส่งสารลับทางทหาร แต่ในปัจจุบัน มันคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เราโอนเงินผ่านแอป, สั่งของออนไลน์ หรือแม้แต่ล็อกอินเข้า Facebook ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ถูกแฮก

    ไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ (History of Encryption)

    1. ยุคโบราณ (Ancient Cryptography)

    1900 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 100

    จุดเริ่มต้นของการเข้ารหัสไม่ได้เกิดในคอมพิวเตอร์ แต่เกิดบนแผ่นดินเหนียวและม้วนกระดาษปาปิรัส ตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดคือ Caesar Cipher (ที่เราใช้ในเว็บนี้!) ซึ่งคิดค้นโดย Julius Caesar แม่ทัพโรมัน เขาใช้วิธีเลื่อนตัวอักษรไป 3 ตำแหน่งเพื่อสั่งการกองทัพ หากศัตรูดักจับจดหมายได้ก็จะเห็นเป็นตัวอักษรมั่วๆ ที่อ่านไม่ออก

    นอกจากนี้ชาวสปาร์ตัน (Spartan) ยังใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Scytale ซึ่งเป็นไม้ทรงกระบอก เอาแถบหนังมาพันรอบไม้แล้วเขียนข้อความ เมื่อคลายแถบหนังออก ตัวอักษรจะกระจัดกระจาย ต้องใช้ไม้ที่มีขนาดเท่ากันเป๊ะๆ ถึงจะอ่านข้อความได้

    2. ยุคสงครามโลก (The Enigma Era)

    สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945)

    นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด เมื่อเยอรมันนาซีสร้างเครื่องจักรที่ชื่อว่า Enigma Machine มันดูเหมือนพิมพ์ดีด แต่ทุกครั้งที่กดปุ่ม กลไกโรเตอร์ข้างในจะหมุนเปลี่ยนรูปแบบการเข้ารหัสไปเรื่อยๆ ทำให้มีความเป็นไปได้ถึง 158 ล้านล้านล้านรูปแบบ!

    ฝ่ายสัมพันธมิตรนำโดย Alan Turing นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะ ได้สร้างเครื่อง Bombe ขึ้นมาเพื่อเจาะรหัสนี้ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่ช่วยจบสงครามได้เร็วขึ้น 2 ปี แต่ยังถือเป็น "จุดกำเนิดของคอมพิวเตอร์ยุคใหม่" อีกด้วย

    ประเภทของการเข้ารหัสในปัจจุบัน

    คอนเซปต์: "ใช้กุญแจดอกเดียวกัน ทั้งล็อกและปลดล็อก"

    ผู้ส่งและผู้รับต้องมีรหัสลับ (Key) ตัวเดียวกัน นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุด แต่ปัญหาคือ "จะส่งกุญแจให้กันยังไงไม่ให้โดนดัก?"

    • มาตรฐานที่ใช้: AES (Advanced Encryption Standard) ที่ใช้กันทั่วโลกในปัจจุบัน ถือว่าปลอดภัยมากระดับกองทัพสหรัฐฯ
    • การใช้งาน: เข้ารหัสไฟล์ในคอมพิวเตอร์ (Zip), ข้อมูลใน Harddisk

    คอนเซปต์: "แม่กุญแจแจกให้ทุกคนได้ แต่ลูกกุญแจไขเก็บไว้คนเดียว"

    เราจะมีกุญแจ 2 ดอก คือ Public Key (แจกให้ใครก็ได้เพื่อใช้ล็อกข้อมูลส่งมาหาเรา) และ Private Key (เราเก็บไว้คนเดียวเพื่อไขอ่าน)

    • มาตรฐานที่ใช้: RSA, ECC
    • การใช้งาน: HTTPS (รูปแม่กุญแจบน Browser), Bitcoin, Digital Signature

    คอนเซปต์: "บดเนื้อเป็นหมูสับ แต่เอาหมูสับกลับเป็นหมูชิ้นไม่ได้"

    ไม่ใช่การเข้ารหัสเพื่อส่งข้อมูล แต่เป็นการแปลงข้อมูลให้เป็นรหัสความยาวคงที่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง

    • มาตรฐานที่ใช้: SHA-256, MD5
    • การใช้งาน: การเก็บ Password ในฐานข้อมูล (เพื่อที่แอดมินก็จะไม่รู้รหัสเรา), Blockchain

    ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญกับคุณ?

    ในยุค Digital Age ข้อมูลมีค่ายิ่งกว่าทองคำ ถ้าไม่มี Cryptography:

    • ใครก็ได้จะดักอ่านแชท LINE/Messenger ของคุณได้
    • รหัสผ่านธนาคารของคุณจะถูกขโมยทันทีที่พิมพ์
    • ระบบ Cryptocurrency และ NFT จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้

    - ความเป็นส่วนตัว คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ Cryptography มอบให้เรา -

    แหล่งอ้างอิงข้อมูล (References)
    • Singh, S. (1999). The Code Book: The Science of Secrecy from Ancient Egypt to Quantum Cryptography. Fourth Estate.
    • Khan Academy. (n.d.). Journey into cryptography. Retrieved from khanacademy.org
    • Cloudflare. (2024). What is encryption?. Cloudflare Learning Center.
    • NIST. (2023). Advanced Encryption Standard (AES). National Institute of Standards and Technology.

    กลไกการทำงาน (Mechanisms)

    ระบบนี้ใช้การเข้ารหัสผสมผสาน 2 ขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยและความเท่

    ขั้นตอนการทำงาน (How it works)
    • Step 1: LeetSpeak Conversion
      แปลงตัวอักษรภาษาอังกฤษ เป็นตัวเลขที่หน้าตาคล้ายกัน
      เช่น A → 4, E → 3, T → 7
    • Step 2: Caesar Cipher Shift
      นำผลลัพธ์จากขั้นตอนแรก มาเลื่อนตำแหน่งตัวอักษรและตัวเลข
      • ตัวอักษร: เลื่อนไปข้างหน้า 10 ตำแหน่ง (A → K)
      • ตัวเลข: บวกเพิ่มไป 4 แต้ม (1 → 5)
    ตัวอย่างประโยค (Example)

    สมมติคำว่า: "HELLO"

    1. Leet: แปลงเป็น H3110 (H, 3=E, 1=L, 1=L, 0=O)
    2. Cipher:
      • H (+10) → R
      • 3 (+4) → 7
      • 1 (+4) → 5
      • 0 (+4) → 4
    3. ผลลัพธ์สุดท้าย: R7554

    พัฒนาโดย: Sukollapat Pisuchpen

    View Headquarter Website